Published - Jan 7,2021
Cookies Policy
Published - Jan 7,2021
Privacy Policy
นโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฉบับนี้จัดทำขึ้นตามข้อกำหนดของพระราชบัญญัติ คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 และใช้บังคับในบริษัท เบิร์ธมาร์ค จำกัด (ต่อไปนี้จะเรียกว่า “บริษัท”) บริษัทได้ตระหนักและให้ความสำคัญต่อการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลจึงได้จัดทำนโยบาย การคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฉบับนี้ ซึ่งครอบคลุมถึงการเก็บรวบรวม การใช้และเปิดเผย และการถ่ายโอนข้อมูลส่วนบุคคล เพื่อคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล
ข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทได้รับมาซึ่งเป็นข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความสมบูรณ์ ถูกต้อง และเป็นปัจจุบันจะถูกนำไปใช้ภายใต้ขอบเขตความยินยอมของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล และตรงตามวัตถุประสงค์ที่บริษัทได้แจ้งให้เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลทราบ โดยบริษัทจะดำเนินการจัดหามาตรการที่เข้มงวดในการรักษาความมั่นคงปลอดภัย ตลอดจนการป้องกันมิให้มีการนำข้อมูลส่วนบุคคลไปใช้นอกเหนือจากความยินยอมที่ได้รับจาก เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลก่อน เว้นแต่จะเป็นกรณีที่มีกฎหมายระบุให้สามารถกระทำได้
ข้อมูลส่วนบุคคล ให้หมายความถึง ชื่อ อายุ ที่อยู่ หมายเลขโทรศัพท์ หมายเลขบัตรประชาชน เชื้อชาติ ข้อมูลทางการเงิน เลขที่บัญชีธนาคาร รวมไปถึงข้อมูลที่ได้รับจากอุปกรณ์ที่เข้ามาในเครื่องข่ายของบริษัท (Log data and device information) และข้อมูลอื่น ๆ ซึ่งสามารถระบุตัวบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลได้ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม
วัตถุประสงค์ในการรวบรวม จัดเก็บ ใช้ ข้อมูลส่วนบุคคล
บริษัทรวบรวม จัดเก็บ ใช้ ข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน เพื่อประโยชน์ในการให้บริการแก่ท่าน รวมถึงบริการที่ท่านสนใจ เช่น การบริการโฆษณาผ่านช่องทางออนไลน์ สื่อโซเชียลมีเดีย การเขียนบทความเพื่อใช้เป็นสื่อโฆษณา การออกแบบภาพลายเส้น หนังสือ โบว์ชัวร์ วีดีโอเพื่อใช้เป็นสื่อโฆษณา การให้บริการด้านการตลาด การขาย ภาพลักษณ์องค์กร บริการด้านการวิจัย การประเมิน หรือสัมภาษณ์เพื่อใช้ประโยชน์ข้อมูลด้านการตลาด การประสานงานในการซื้อสื่อจากเว็บไซต์หรือบุคคล การจัดทำเว็บไซต์ การดูแลสื่อโซเชียลมีเดีย การให้ซื้อพื้นที่บนหน้าเว็บไซต์ และสื่อโซเชียลมีเดียของบริษัท การจัดอีเวนต์ การจัดกิจกรรมนอกสถานที่ และการออกแบบและจัดทำบูธสื่อการขายนอกสถานที่ เป็นต้น หรือเพื่อประโยชน์ในการจัดทำฐานข้อมูล และใช้ข้อมูลเพื่อเสนอสิทธิประโยชน์ตามความสนใจของท่าน หรือเพื่อประโยชน์ในการวิเคราะห์และนำเสนอบริการหรือผลิตภัณฑ์ใดๆ ของบริษัท และเพื่อวัตถุประสงค์อื่นใดที่ไม่ต้องห้ามตามกฎหมาย และ/หรือเพื่อปฏิบัติตามกฎหมายหรือกฎระเบียบที่ใช้บังคับทั้งขณะนี้และภายภาคหน้า รวมทั้งยินยอมให้บริษัทส่ง โอน และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลให้แก่บริษัท กลุ่มธุรกิจของพันธมิตรทางธุรกิจ ผู้ประมวลผลข้อมูล และบริษัทจะจัดเก็บรักษาข้อมูลดังกล่าวไว้ตามระยะเวลาเท่าที่จำเป็นสำหรับวัตถุประสงค์เหล่านั้น เท่านั้น หากภายหลังมีการเปลี่ยนแปลงวัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล บริษัทจะประกาศให้ท่านทราบ
บริษัทจะไม่กระทำการใดๆ ซึ่งแตกต่างจากที่ระบุในวัตถุประสงค์ของการเก็บรวบรวมข้อมูล เว้นแต่ กรณีดังต่อไปนี้
1. ได้แจ้งวัตถุประสงค์ใหม่ให้แก่เจ้าของข้อมูลนั้นทราบ และได้รับความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลนั้น
2. มีกฎหมายระบุให้สามารถกระทำได้
บริษัทอาจทำการจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลโดยไม่ได้รับความยินยอมจากเจ้าข้อมูลส่วนบุคคลได้เฉพาะกรณีที่กฎหมายระบุให้ทำได้ และต้องดำเนินการตามหลักเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด
การเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล
บริษัทมีหลักเกณฑ์ในการรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลดังนี้
1. บริษัทจะไม่เก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล หากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลไม่ได้ให้ความยินยอมไว้ก่อนหรือในขณะการเก็บรวบรวมนั้น เว้นแต่จะมีกฎหมายระบุให้สามารถกระทำได้ ทั้งนี้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าว การขอความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล บริษัทต้องทำโดยชัดแจ้งเป็นหนังสือหรือวิธีทางอิเล็กทรอนิกส์ เว้นแต่กรณีที่กฎหมายกำหนดไว้เป็นอย่างอื่น
2. ในกรณีที่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลเป็นผู้เยาว์ซึ่งยังไม่บรรลุนิติภาวะ บริษัทจะดำเนินการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของผู้เยาว์โดยปฏิบัติตามที่กฎหมายที่กำหนดในเรื่องการขอความยินยอม
3. นอกเหนือจากวัตถุประสงค์ของการเก็บรวบรวม ก่อนหรือขณะเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลบริษัทจะแจ้งรายละเอียดดังต่อไปนี้ให้เจ้าของข้อมูลทราบ เว้นแต่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลได้ทราบถึงรายละเอียดนั้นอยู่แล้ว
a. ประเภทของบุคคลหรือหน่วยงานซึ่งข้อมูลส่วนบุคคลที่เก็บรวบรวมอาจจะถูกเปิดเผย
b. แจ้งให้ทราบถึงกรณีที่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลต้องให้ข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อปฏิบัติ ตามกฎหมายหรือสัญญาหรือมีความจำเป็นต้องให้ข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อเข้าทำสัญญารวมทั้งแจ้งถึงผลกระทบที่เป็นไปได้จากการไม่ให้ข้อมูลส่วนบุคคล
c. ข้อมูลส่วนบุคคลที่จะมีการเก็บรวบรวมและระยะเวลาในการเก็บรวบรวมไว้ ทั้งนี้ในกรณีที่ไม่สามารถกำหนดระยะเวลาดังกล่าวได้ชัดเจน ให้กำหนดระยะเวลาที่อาจคาดหมายได้ตามมาตรฐานของการเก็บรวบรวม
d. ข้อมูลเกี่ยวกับผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล สถานที่ติดต่อ และวิธีการติดต่อในกรณี ที่มีตัวแทนหรือเจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ให้แจ้งข้อมูล สถานที่ติดต่อ และวิธีการติดต่อของตัวแทนหรือเจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลด้วย
e. สิทธิต่าง ๆ ที่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลพึงได้รับ ได้แก่ สิทธิในการถอนความยินยอม สิทธิในการขอเข้าถึงและขอรับสำเนาข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลหรือขอให้เปิดเผยถึงการได้มาซึ่งข้อมูลส่วนบุคคลที่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลไม่ได้ความยินยอม สิทธิในการขอรับข้อมูลส่วนบุคคลรวมถึงส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลให้บุคคลอื่น สิทธิในการคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลเมื่อไหร่ก็ได้ สิทธิในการขอให้ดำเนินการลบ หรือทำลาย หรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวบุคคลที่เป็นเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลได้ตามกรณีที่กฎหมายกำหนด สิทธิขอให้ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลได้ สิทธิในการขอให้ดำเนินการให้ข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลเป็นข้อมูลที่ถูกต้องเป็นปัจจุบัน สมบูรณ์ และไม่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิด และสิทธิในการร้องเรียน
4. กรณีที่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลติดต่อบริษัท บริษัทอาจขอให้เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลระบุข้อมูลส่วนบุคคลของตนซึ่งบริษัทอาจใช้ข้อมูลส่วนตัวนี้ร่วมกัน ซึ่งเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลไม่จำเป็นต้องระบุข้อมูลส่วนบุคคลของตนตามที่ที่บริษัทร้องขอ ซึ่งกรณีที่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลเลือกไม่ให้ข้อมูลส่วนบุคคลตามที่ถูกร้องขอ บริษัทอาจไม่สามารถให้บริการกับเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลหรือตอบคำถามใด ๆ แก่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลได้ เพื่อความปลอดภัยในการรักษาข้อมูล
5. บริษัทจะไม่เก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลจากแหล่งอื่นที่ไม่ใช่จากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลโดยตรง เว้นแต่จะเป็นกรณีที่มีกฎหมายระบุให้สามารถกระทำได้
6. ในกรณีที่มีการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหว (sensitive information) บริษัทจะต้องได้รับความยินยอมโดยชัดแจ้งจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเสมอ แต่จะเป็นกรณีที่มีกฎหมายระบุให้สามารถกระทำได้ ทั้งนี้ข้อมูลที่มีความอ่อนไหว ให้ความหมายถึง ข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวกับเชื้อชาติ เผ่าพันธุ์ ความคิดเห็นทางการเมือง ความเชื่อในลัทธิ ศาสนาหรือปรัชญา พฤติกรรมทางเพศ ประวัติอาชญากรรม ข้อมูลสุขภาพ ความพิการ ข้อมูลสหภาพแรงงาน ข้อมูลพันธุกรรม ข้อมูลชีวภาพ หรือข้อมูลอื่นใดซึ่งกระทบต่อเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลในทำนองเดียวกันตามที่กฎหมายกำหนดขึ้น
7. บริษัทจะบันทึกรายการดังต่อไปนี้ เพื่อให้เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลสามารถตรวจสอบได้ โดยจะบันทึกเป็นหนังสือหรือระบบอิเล็กทรอนิกส์
a. ข้อมูลส่วนบุคคลที่มีการจัดเก็บ
b. วัตถุประสงค์ในการรวบรวมข้อมูลแต่ละประเภท
c. ข้อมูลเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคล
d. ระยะเวลาการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคล
e. สิทธิและวิธีการในการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคล
รวมถึงเงื่อนไขเกี่ยวกับบุคคลที่มีสิทธิเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลและเงื่อนไขในการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลนั้น
f. การใช้การเปิดเผยข้อมูลที่ได้จากการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลที่กฎหมายยกเว้นให้สามารถเก็บรวบรวมได้โดนไม่ต้องขอความยินยอม
g. การปฏิเสธคำขอหรือคำคัดค้านตามกรณีที่กฎหมายกำหนด
h. คำอธิบายเกี่ยวกับมาตรการความมั่นคงรักษาความปลอดภัยที่บริษัทมีหน้าที่ต้องปฏิบัติ
การนำข้อมูลส่วนบุคคลไปใช้หรือเปิดเผย
ในการนำข้อมูลส่วนบุคคลไปใช้หรือเปิดเผย บริษัทพึงปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ดังต่อไปนี้
1. บริษัทจะไม่ใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลไม่ว่าในลักษณะใด ๆ โดยไม่ได้รับความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล เว้นแต่เป็นข้อมูลส่วนบุคคลที่สามารถเก็บรวบรวมได้โดยไม่ต้องขอความยินยอมตามที่กฎหมายกำหนดไว้ หรือเป็นกรณีที่มีกฎหมายระบุให้สามารถกระทำได้
2. บริษัทจะดูแลผู้ปฏิบัติงานของบริษัท มิให้นำข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลไปใช้หรือเปิดเผย ในประการใดๆ อันนอกเหนือไปจากวัตถุประสงค์ของบริษัท เว้นแต่
a. ได้รับความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล
b. มีกฎหมายระบุให้สามารถกระทำได้
3. ข้อมูลส่วนบุคคลจะถูกเก็บรวบรวมเพื่อการใช้หรือเปิดเผยระหว่างบริษัท กรณีที่บริษัทอนุญาตให้บุคคลหรือหน่วยงานภายนอกเข้าถึงหรือใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล บริษัทจะกระทำเท่าที่จำเป็น และเพื่อให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์และอำนาจหน้าที่ของบริษัท และบุคคลหรือหน่วยงานอื่นจะต้องมีมาตรฐานการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่เพียงพอ ทั้งนี้บริษัทจะต้องได้รับความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเสมอ
การถอนความยินยอม
เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลสามารถถอนความยินยอมที่ให้ไว้แก่บริษัทเมื่อใดก็ได้ ภายใต้ข้อจำกัดตามกฎหมาย ทั้งนี้ไม่ถือว่าเป็นการตัดสิทธิ์บริษัทในการใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลตามวัตถุประสงค์อื่น ๆ ที่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลไม่ได้ถอนความยินยอม
การรักษาความมั่นคงปลอดภัย
บริษัทจะจัดให้มีการจัดทำและหรือกำหนดให้มีมาตรการในการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลอย่างเหมาะสมและสอดคล้องกับการรักษาความลับของข้อมูลส่วนบุคคล เพื่อป้องกันการสูญหาย การเข้าถึง ทำลาย ใช้ แปลง แก้ไขหรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลโดยไม่มีสิทธิหรือโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย และมีการทบทวนมาตราการดังกล่าวเมื่อมีความจำเป็นหรือเมื่อเทคโนโลยีมีการเปลี่ยนแปลงไป บริษัทจะจัดให้มีการตรวจสอบเพื่อดำเนินการลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคลเมื่อพ้นกำหนดระยะเวลาการเก็บรักษา หรือที่ไม่เกี่ยวข้องหรือเกินความจำเป็นตามวัตถุประสงค์ในการจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลนั้น
ระยะเวลาเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคล
บริษัทจะเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลไว้เป็นระยะเวลาเพียงเท่าที่จำเป็นต่อการบรรลุวัตถุประสงค์ในการจัดเก็บของบริษัทตามที่ได้ระบุไว้ในนโยบายความเป็นส่วนตัวฉบับนี้ เว้นแต่ในกรณีที่มีกฎหมายกำหนดไว้เป็นอย่างอื่น
สิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล
เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลมีสิทธิตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล เช่น มีสิทธิตรวจดูความมีอยู่ของข้อมูลส่วนบุคคล ลักษณะของข้อมูลส่วนบุคคล วัตถุประสงค์ของการนำข้อมูลส่วนบุคคลไปใช้ นอกจากนี้เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลยังมีสิทธิดังต่อไปนี้
1. สิทธิในการเข้าถึง
ในกรณีที่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลประสงค์จะเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวข้องกับตนเอง เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลสามารถมีคำร้องขอตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่บริษัทกำหนด เมื่อบริษัทได้รับคำร้องขอดังกล่าวแล้ว บริษัทจะรีบดำเนินการแจ้งถึงความมีอยู่ หรือรายละเอียดของข้อมูลดังกล่าวให้แก่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลภายในระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด และรวมถึงสิทธิดังต่อไปนี้ ขอรับสำเนาข้อมูลส่วนบุคคลของตน ขอให้เปิดเผยถึงการได้มาซึ่งข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวกับตนในกรณีที่เป็นข้อมูลซึ่งเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลไม่ได้ให้ความยินยอมในการเก็บรวบรวม อย่างไรก็ตาม บริษัทอาจปฏิเสธสิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลได้ในกรณีที่มีกฎหมายระบุให้สามารถกระทำได้ ทราบถึงบุคคลที่ข้อมูลส่วนบุคคลจะเปิดเผยต่อ
2. สิทธิในการแก้ไขเปลี่ยนแปลง
หากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลเห็นว่า ข้อมูลส่วนบุคคลใดที่เกี่ยวกับตนไม่ถูกต้องตามที่เป็นจริง เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลสามารถแจ้งบริษัทเพื่อให้แก้ไข เปลี่ยนแปลง ข้อมูลส่วนบุคคลของตนให้ถูกต้องสมบูรณ์หรือลบข้อมูลส่วนบุคคลนั้นได้
3. สิทธิในการขอให้ลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคล
เจ้าของข้อมูลสามารถใช้สิทธิขอให้บริษัทลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคลของตน หรือทำให้ข้อมูลนั้นเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุถึงตัวเจ้าของข้อมูลได้ ภายใต้เงื่อนไขที่กฎหมายกำหนด ทั้งนี้ บริษัทมีสิทธิที่จะปฏิเสธที่จะปฏิบัติตามคำร้องขอที่มีลักษณะเป็นการก่อกวน และ/หรือเสี่ยงต่อความเป็นส่วนตัวของบุคคลอื่น หรือเป็นคำร้องขอที่ไม่สามารถปฏิบัติได้จริงไม่ว่ากรณีใด ๆ กรณีที่บริษัทปฏิเสธที่จะปฏิบัติตามคำร้องขอ บริษัทจะแจ้งเหตุผลในการปฏิเสธคำร้องขอเช่นนั้นไปด้วย
4. การเปลี่ยนแปลงนโยบายส่วนบุคคล
บริษัทอาจปรับปรุงหรือแก้ไขนโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลได้โดยไม่ต้องแจ้งให้เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลทราบล่วงหน้า ทั้งนี้เพื่อความเหมาะสมและสอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของการดำเนินงานของบริษัท
5. เจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
บริษัทได้มีการดำเนินการปฏิบัติตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 โดยแต่งตั้ง เจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Data Protection Officer : DPO) เพื่อตรวจสอบการดำเนินการของบริษัทที่เกี่ยวกับการเก็บรวบรวม ใช้และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลให้สอดคล้องกับพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 รวมถึงกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
ข้อมูลในการติดต่อ
กรณีเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลต้องการติดต่อบริษัทเกี่ยวกับนโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฉบับนี้ สามารถติดต่อได้ที่ บริษัท เบิร์ธมาร์ค จำกัด เลขที่ 1000/7-8 อาคารลิเบอร์ตี้ พลาซ่า ชั้น 19 ถนนสุขุมวิท 55 (ทองหล่อ) แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพฯ โทร 02-0583599 หรือ
email : info@birthmarkth.com
ประกาศ ณ วันที่ 8 มกราคม 2564
บริษัท เบิร์ธมาร์ค จำกัด